ชนเผ่าม้ง : การจีบ
ชนเผ่าม้ง : การจีบ
หลังจากว่างงานหลังฤดูเก็บเกี่ยว หนุ่มสาวม้งจะหาโอกาสเกี้ยวพาราสีในเวลาค่ำคืน หนุ่มสาวม้งมีข้อห้ามที่จะไม่ไม่เกี้ยวพาราสี กับคนแซ่เดียวกัน หรือตระกูลเดียวกัน เพราะถือว่าเป็นพี่น้องกัน สำหรับโอกาสที่ดีที่สุด คือเทศกาลปีใหม่ ม้งทั้งชายหนุ่ม และหญิงสาวจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสวยสดงดงาม ที่ได้รับการจัดเตรียมมาตลอดทั้งปี ชายหนุ่มและหญิงสาวจะจับคู่โยนลูกบอล ซึ่งลูกบอลทำจากผ้าสีดำ และมีขนาดใหญ่กว่าลูกเทนนิสเล็กน้อย ฝ่ายหญิงเป็นผู้นำลูกบอลมาการโยนลูกบอลไป-มานั้น ฝ่ายหญิง และชายจะยืนห่างกันประมาณ 4-5 เมตร หญิงสาวที่ยังไม่มีคู่จะเป็นคนเข้าไปทักชายหนุ่มที่ตนรู้จัก หรือชอบพอ และยื่นลูกบอลให้เป็นการขอเล่นโยนลูกบอลด้วย หากชายหนุ่มคนใดไม่ชอบพอหญิงสาวคู่โยนของตน ก็จะหาทางปลีกตัวออกไปโดยมิให้เสียมารยาท ระหว่างเล่นโยนลูกบอลไปมาจะสนทนาไปด้วย หรืออาจเล่นเกม โดยตกลงกันว่าใครรับลูกบอลไม่ได้ต้องเสียค่าปรับเป็นสิ่งของ หรือเครื่องประดับให้กับฝ่ายตรงข้าม การเสียค่าปรับแก่กันและกัน
จะเป็นการเปิดโอกาสให้ทั้งคู่ได้พบกัน และเกี้ยวพาราสีกันในตอนกลางคืน
ในการเกี้ยวพาราสีจะกระทำที่บริเวณนอกบ้านของฝ่ายหญิง เพราะการเกี้ยวพาราสีในบ้านถือเป็นการผิดผี และรบกวนผู้ใหญ่ หรือเป็นการไม่ให้เกียรติญาติฝ่ายหญิง เมื่อชายหนุ่มแน่ใจว่าพ่อแม่ของฝ่ายหญิงสาวหลับหมดแล้ว ตนจะเข้าไปชิดฝาผนังบ้านข้าง ๆ ห้องนอน ของหญิงสาว แล้วกระซิบเรียก หรือเป่าจ่าง (จ่างเป็นเครื่องดนตรีชนิดหนึ่งทำจาก แผ่นทองเหลืองบาง ๆ ใช้ดีดที่ริมฝีปากแล้วเป่าเบา ๆ แผ่นโลหะจะสั่นสะเทือน และให้เสียงนุ่มเบาไพเราะน่าฟัง)
หากฝ่ายหญิงจำเสียงได้ว่าเป็นชายหนุ่มที่ตนชอบพอ ก็จะกระซิบตอบ และพูดคุยด้วย หรืออาจจะออกมาพบชายหนุ่มข้างนอกบ้าน หากเสียงดัง และพ่อแม่ฝ่ายหญิงได้ยินจะติเตียน และฝ่ายชายต้องไม่โต้เถียงแต่อย่างใด มิฉะนั้นอาจถูกปรับเงิน แต่โดยปกติพ่อแม่ฝ่ายหญิงจะเข้าใจ และให้อิสระลูกสาวในการพูดคุย หรือออกไปพบชายหนุ่มที่ตนเห็นว่าเป็นคนดี โดยวิธีการปฏิบัติเช่นนี้จึงมีผู้ขนานนามม้งว่า ผู้ไม่อิ่มในรัก ปัจจุบันยังคงนิยมวิธีนี้อยู่
หลังจากว่างงานหลังฤดูเก็บเกี่ยว หนุ่มสาวม้งจะหาโอกาสเกี้ยวพาราสีในเวลาค่ำคืน หนุ่มสาวม้งมีข้อห้ามที่จะไม่ไม่เกี้ยวพาราสี กับคนแซ่เดียวกัน หรือตระกูลเดียวกัน เพราะถือว่าเป็นพี่น้องกัน สำหรับโอกาสที่ดีที่สุด คือเทศกาลปีใหม่ ม้งทั้งชายหนุ่ม และหญิงสาวจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสวยสดงดงาม ที่ได้รับการจัดเตรียมมาตลอดทั้งปี ชายหนุ่มและหญิงสาวจะจับคู่โยนลูกบอล ซึ่งลูกบอลทำจากผ้าสีดำ และมีขนาดใหญ่กว่าลูกเทนนิสเล็กน้อย ฝ่ายหญิงเป็นผู้นำลูกบอลมาการโยนลูกบอลไป-มานั้น ฝ่ายหญิง และชายจะยืนห่างกันประมาณ 4-5 เมตร หญิงสาวที่ยังไม่มีคู่จะเป็นคนเข้าไปทักชายหนุ่มที่ตนรู้จัก หรือชอบพอ และยื่นลูกบอลให้เป็นการขอเล่นโยนลูกบอลด้วย หากชายหนุ่มคนใดไม่ชอบพอหญิงสาวคู่โยนของตน ก็จะหาทางปลีกตัวออกไปโดยมิให้เสียมารยาท ระหว่างเล่นโยนลูกบอลไปมาจะสนทนาไปด้วย หรืออาจเล่นเกม โดยตกลงกันว่าใครรับลูกบอลไม่ได้ต้องเสียค่าปรับเป็นสิ่งของ หรือเครื่องประดับให้กับฝ่ายตรงข้าม การเสียค่าปรับแก่กันและกัน
จะเป็นการเปิดโอกาสให้ทั้งคู่ได้พบกัน และเกี้ยวพาราสีกันในตอนกลางคืน
ในการเกี้ยวพาราสีจะกระทำที่บริเวณนอกบ้านของฝ่ายหญิง เพราะการเกี้ยวพาราสีในบ้านถือเป็นการผิดผี และรบกวนผู้ใหญ่ หรือเป็นการไม่ให้เกียรติญาติฝ่ายหญิง เมื่อชายหนุ่มแน่ใจว่าพ่อแม่ของฝ่ายหญิงสาวหลับหมดแล้ว ตนจะเข้าไปชิดฝาผนังบ้านข้าง ๆ ห้องนอน ของหญิงสาว แล้วกระซิบเรียก หรือเป่าจ่าง (จ่างเป็นเครื่องดนตรีชนิดหนึ่งทำจาก แผ่นทองเหลืองบาง ๆ ใช้ดีดที่ริมฝีปากแล้วเป่าเบา ๆ แผ่นโลหะจะสั่นสะเทือน และให้เสียงนุ่มเบาไพเราะน่าฟัง)
หากฝ่ายหญิงจำเสียงได้ว่าเป็นชายหนุ่มที่ตนชอบพอ ก็จะกระซิบตอบ และพูดคุยด้วย หรืออาจจะออกมาพบชายหนุ่มข้างนอกบ้าน หากเสียงดัง และพ่อแม่ฝ่ายหญิงได้ยินจะติเตียน และฝ่ายชายต้องไม่โต้เถียงแต่อย่างใด มิฉะนั้นอาจถูกปรับเงิน แต่โดยปกติพ่อแม่ฝ่ายหญิงจะเข้าใจ และให้อิสระลูกสาวในการพูดคุย หรือออกไปพบชายหนุ่มที่ตนเห็นว่าเป็นคนดี โดยวิธีการปฏิบัติเช่นนี้จึงมีผู้ขนานนามม้งว่า ผู้ไม่อิ่มในรัก ปัจจุบันยังคงนิยมวิธีนี้อยู่
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น