ความรู้พื้นฐานทางวัฒนธรรม

 ความรู้พื้นฐานทางวัฒนธรรม
ความหมายของวัฒนธรรม
วัฒนธรรมเป็นค าที่ได้มาจากการรวมค า 2 คำเข้าด้วยกัน คือค าว่า “วัฒนะ” หมายถึงความ
เจริญงอกงาม รุ่งเรือง และค าว่า “ธรรม” หมายถึง การกระท า หรือข้อปฏิบัติ วัฒนธรรมตาม
ความหมายในภาษาไทย จึงหมายถึง ข้อปฏิบัติเพื่อให้เกิดความเจริญงอกงาม (กรมส่งเสริมวัฒนธรรม
กระทรวงวัฒนธรรม,2559:12)
พระราชบัญญัติวัฒนธรรมแห่งชาติ พ.ศ.2553 ได้ให้ความหมายของ “วัฒนธรรม” ว่า เป็น
วิถีการด าเนินชีวิต ความคิด ความเชื่อ ค่านิยม จารีตประเพณี พิธีกรรม และภูมิปัญญา ซึ่งกลุ่มชน
และสังคมได้ร่วมสร้างสรรค์ สั่งสม ปลูกฝัง สืบทอด เรียนรู้ ปรับปรุง และเปลี่ยนแปลง เพื่อให้เกิด
ความเจริญงอกงามทั้งด้านจิตใจและวัตถุอย่างสันติสุขและยั่งยืน
วัฒนธรรม หมายถึง การด าเนินของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่แสดงถึงความเจริญงอกงาม ความ
เป็นระเบียบเรียบร้อย ความกลมเกลียว ความก้าวหน้า และศีลธรรมของประชาชน (สมชัย ใจดีและ
ยรรยง ศริวิริยาภรณ์,2545:1)
มนุษย์สร้างวัฒนธรรมขึ้นเพื่อประโยชน์แห่งการด ารงชีวิตและการสืบทอดเผ่าพันธุ์ การ
ด ารงชีวิตของมนุษย์เป็นเรื่องที่กว้างใหญ่และมีแง่มุมต่างๆให้พิจารณาอย่างซับซ้อน เรื่องของ
วัฒนธรรมจึงสามารถพิจารณาได้หลายมิติไปด้วย วัฒนธรรมมีความหมายดังนี้ 1) วัฒนธรรม คือ
ผลรวมของทุกสิ่งซึ่งเป็นความเจริญงอกงามที่สังคมนั้นๆได้ท าไว้หรือได้สั่งสมมา 2) วัฒนธรรม คือ
ผลงานสร้างสรรค์ทางศิลปะและพุทธิปัญญาทุกแขนง 3)วัฒนธรรม คือ สิ่งที่เป็นขนบธรรมเนียม
ประเพณีตกทอดจากบรรพบุรุษและ4) วัฒนธรรม คือ สิ่งที่ดีมีค่าแสดงรสนิยมของผู้ดีหรือชนชั้นสูงที่มี
การศึกษาและฐานะดี (ส านักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ,2551ก:11)
ดังนั้น วัฒนธรรม หมายถึง ทุกสิ่งรอบตัวมนุษย์ ทั้งที่เป็นรูปธรรมสัมผัสได้และนามธรรม
สัมผัสไม่ได้ เกิดจากการสร้างขึ้นของมนุษย์ เพื่อแสดงถึงความเจริญงอกงามทางปัญญาความคิดของ
สังคมแต่ละกลุ่มชน ในการตอบสนองการอ านวยความสะดวกในชีวิต เป็นเสมือนเครื่องมือในการธ ารง
รักษาการด ารงชีวิตของคนในสังคมให้อยู่ร่วมกันอย่างสันติ มีการสั่งสม เรียนรู้ ดัดแปลง พัฒนาและ
สืบทอดความเป็นอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมจากอดีตมาจนถึงปัจจุบันและอนาคต
การสืบทอดวัฒนธรรม
ณัฐฐ์วัฒน์ สุทธิโยธิน. (2556) กล่าวว่า การสืบทอดทางวัฒนธรรมที่ประสบความส าเร็จ
ไม่ใช่เพียงแค่เป็น การถ่ายทอดวัฒนธรรมจากคนรุ่นหนึ่งไปสู่คนอีกรุ่นหนึ่งเท่านั้น แต่มันเป็นกระบวน
(cultural inheritance) ของการเรียนรู้ (learning) กระบวนการพัฒนาโดยการเปลี่ยนแปลง
(change) การปรับแต่ง (adaptation) การตีความหมายใหม่ (re-interpretation) การสร้างสรรค์
ใหม่ (re-creation) การถ่ายทอด (transmit) การสืบทอด (inherit) ทางวัฒนธรรม เหตุเพราะ
วัฒนธรรมเป็นสิ่งที่เกิดมาจากการเรียนรู้ของมนุษย์ และความพยายามของมนุษย์ที่จะต่อสู้ดิ้นรนเพื่อ
รักษาอัตลักษณ์ของตนเองไว้ให้อยู่รอด เมื่อต้องการอยู่รอดจึงต้องมีการปรับตัวให้สอดคล้องเข้ากันได้
กับยุคสมัย วัฒนธรรมจึงมีความเป็นพลวัตร (dynamic) ยืดหยุ่นได้มีความคงที่เพียงบางส่วน มีการเปลี่ยนแปลงได้ในบางส่วน
มิติของการสืบทอดวัฒนธรรม..แบ่งการพิจารณาได้เป็นสามมิติ คือ มิติบุคคล (human)
เป็นการสืบทอดวัฒนธรรมจากบุคคลกลุ่มหนึ่งไปยังบุคคลอีกกลุ่มหนึ่ง มิติพื้นที่ (space) เป็นการสืบ
ทอดวัฒนธรรมจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกสถานที่หนึ่ง และมิติเวลา (time) เป็นการสืบทอดวัฒนธรรม
จากห้วงเวลาหนึ่งไปยังอีกห้วงเวลาหนึ่ง โดยมีลักษณะเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่อง
มุมมองของผู้สืบทอดทางวัฒนธรรม หากมองในแง่มุมของการถ่ายทอด (transmit) ทาง
วัฒนธรรม จะเน้นการมองจากมุมมองของผู้ถ่ายทอดหรือผู้ส่งสาร หมายถึง การส่งผ่านรูปแบบและ
เนื้อหาของวัฒนธรรม (form and content of culture) จากผู้ถ่ายทอดหรือผู้ส่งสารไปยังผู้รับการ
ถ่ายทอดหรือผู้รับสาร ในลักษณะที่ว่า ได้รับอะไรมาก็ส่งผ่านไปอย่างนั้น มีอย่างไรก็ส่งไปอย่างนั้น แต่
หากมองในแง่มุมของการสืบทอด (inherit) ทางวัฒนธรรม จะเน้นการมองจากมุมมองของผู้รับการ
ถ่ายทอดหรือผู้รับสารเป็นหลัก โดยผู้รับสารจะพยายามรักษาวัฒนธรรมนั้นไว้มิให้มีการเปลี่ยนแปลง
หรือต่อสู้ดิ้นรนให้มีการเปลี่ยนแปลงน้อยที่สุด ในลักษณะที่ว่าได้รับมาอย่างไรก็พยายามน าไปปฏิบัติ
อย่างนั้นให้มากที่สุด และได้รับมาอย่างไรก็พยามน าไปถ่ายทอดให้เหมือนต้นแบบมากที่สุด
ความหมายโดยสรุปของการสืบทอดทางวัฒนธรรม (cultural inheritance) เป็น
กระบวนการเรียนรู้และการพัฒนา (learning and development) ของมนุษย์เพื่อที่จะรักษา
อัตลักษณ์ของแบบแผนของความคิด ความเชื่อ วิถีทาง และแนวปฏิบัติของตนเองไว้ โดยอาศัย
กระบวนการในการสืบทอดทางวัฒนธรรมซึ่งเป็นกระบวนการที่มีลักษณะเป็นการไหลเวียนอย่าง
ต่อเนื่องกันไปอย่างไม่รู้จบ การสืบทอดทางวัฒนธรรมในที่นี้หมายถึงการสืบทอดในสิ่งที่ประกอบด้วย

แนวคิด (concept) รูปแบบ (form) และเนื้อหา (content) และวิธีการ (method) ที่ใช้ในการสืบ
ทอดวัฒนธรรม
การสืบทอดทางวัฒนธรรมพิจารณาได้เป็น 3 มิติ คือ มิติบุคคล (human) เป็นการสืบทอด
ทางวัฒนธรรมจากบุคคลกลุ่มหนึ่งไปยังบุคคลอีกกลุ่มหนึ่ง มิติพื้นที่ (space) เป็นการสืบทอดทาง
วัฒนธรรมจากสถานที่หนึ่งไปยังสถานอีกที่หนึ่ง มิติเวลา (time) เป็นการสืบทอดทางวัฒนธรรมจาก
ห้วงเวลาหนึ่งไปยังอีกห้วงเวลาหนึ่ง เมื่อเรานิยามวัฒนธรรมว่าเป็นสิ่งที่ไม่คงที่ไม่ตายตัว แต่สามารถ
เปลี่ยนแปลง ปรับแต่งวัฒนธรรมให้เข้ากับยุคสมัยได้ การสืบทอดทางวัฒนธรรมจึงเป็นมากกว่า การ
รับไว้ (recieve) การรักษา (maintain) และการส่งผ่าน (transmit) วัฒนธรรม แต่เป็นการเรียนรู้ที่จะ
รับ (recieve) เรียนรู้ที่จะเลือก (select) เรียนรู้ที่จะใช้ (using) เรียนรู้ที่จะพัฒนา (develop)
วัฒนธรรมให้เหมาะสมสอดคล้องกับความต้องการและวิถีชีวิตของมนุษย์ภายใต้บริบททางสังคมของ
พื้นที่และเวลาแห่งยุคสมัยนั้น
กระบวนการสืบทอดทางวัฒนธรรม การสืบทอดทางวัฒนธรรมท าได้โดยอาศัยการท างาน
ในลักษณะกระบวนการ ประกอบด้วยกระบวนการผลิต (production) ทางวัฒนธรรม กระบวนการ
เผยแพร่ (distribution) ทางวัฒนธรรม กระบวนการบริโภค (consumption) ทางวัฒนธรรม และ
กระบวนการผลิตซ้ าเพื่อเผยแพร่ขยายผลสืบต่อ (reproduction) ทางวัฒนธรรม
สมชัย ใจดี และยรรยง ศรีวิริยาภรณ์ (2545: 34-35) ได้อธิบายว่าการธ ารงอยู่ของ
วัฒนธรรมว่าจะต้องมีการปฏิบัติอยู่ 3 ลักษณะ สรุปได้ดังนี้ 1) การสะสม สามารถท าได้ทุกเรื่องไม่ว่า
จะเป็นด้านประเพณี ศิลปะ วรรณกรรม เทคโนโลยี ศีลธรรม คุณธรรมต่างๆ เป็นการเลือกสะสม
วัฒนธรรมที่ดีงามเพื่อเป็นเอกลักษณ์ของชาติ และมีการถ่ายทอดเพื่อที่จะได้เป็นมรดกให้กับคนรุ่น
ต่อไปได้ปฏิบัติ 2)การสืบทอดต่อทางวัฒนธรรม เป็นเรื่องของการเรียนรู้จากบุคคลอื่น เช่น เด็กเรียนรู้
จากผู้ใหญ่ เรียนรู้จากบรรพบุรุษ เป็นการน าสิ่งที่บรรพบุรุษสะสมไว้มาปฏิบัติหากเห็นว่าดีงามหรือน่า
ปฏิบัติตามหรือท าแล้วมีประโยชน์ มีความหมายต่อชีวิตและประเทศชาติ 3) การปรับปรุงและเผยแพร่
วัฒนธรรมจะต้องมีการปรับปรุงเพื่อให้ทันต่อเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ถ้าของเก่าดีและไม่เสียหายก็
ควรรักษาไว้และสิ่งใดที่เห็นว่าไม่ดีก็ทิ้งไป เป็นการปรับปรุงวัฒนธรรมให้ก้าวหน้า ไม่ให้ตายหรือสูญ
หายไปเพื่อจะได้มีความเป็นอยู่ดีขึ้น
อภิญญา สุมาและคณะ(2540) ได้ให้ความหมายของการถ่ายทอดความรู้ของชุมชน ว่า
หมายถึง กระบวนการรวม (Total process) กระบวนการหนึ่งซึ่งเป็นแหล่งที่ได้อาศัยในการพัฒนา
บุคลิกภาพของตน และเป็นแหล่งที่เค้าอาศัยเรียนหรือฝึกฝนการเป็นสมาชิกของสังคม (Social Actor)
ที่กล่าวว่าเป็นกระบวนการรวม เพราะกระบวนการนี้รวมกระบวนการหลายอย่างเข้าไว้ด้วยกัน เช่น
กระบวนการเรียนรู้ภาษา บรรทัดฐานของสังคม ความเชื่อ อาชีพและเทคโนโลยีต่างๆ เป็นต้น ซึ่งมี
วิธีการถ่ายทอดความรู้ 2 ประเภท คือ การอบรมโดยตรง (Direct socialization) เป็นการถ่ายทอดที่
เป็นทางการมีการก าหนดเนื้อหาวิธีการไว้เป็นการแน่นอน และการอบรมโดยอ้อม ( Indirect
socialization) เป็นการถ่ายทอดที่ไม่เป็นทางการ เกิดจากการได้เห็นได้ฟังตามธรรมชาติ
อมรา พงศษพิชญ์ (2541: 20-21) การถ่ายทอดวัฒนธรรม คือ การสอนให้คนรุ่นหลังรับรู้
ถึงระบบสัญลักษณ์ของสังคมที่ได้มีการตกลงกันไว้ว่าประกอบด้วยอะไรบ้าง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพียงการ
ตกลงอย่างกว้างๆมิได้มีการตกลงกันในรายละเอียดทุกๆเรื่อง ข้อตกลง คือ การก าหนดหลักใหญ่ๆ
ก าหนดแนวความคิดที่ส าคัญไว้ เมื่อทุกคนรู้ถึงหลักใหญ่นี้แล้วก็จะประพฤติปฏิบัติได้ง่ายขึ้น หลักของ
สมาชิกของสังคมใช้ยึดถือเป็นแนวประกอบประพฤติปฏิบัติ คือ บรรทัดฐานและค่านิยม บรรทัดฐาน
คือ แนวทางการปฏิบัติที่สมาชิกของสังคมส่วนใหญ่ยึดถือและค่านิยม คือ ความคิดและแนวปฏิบัติที่
สมาชิกของสังคมส่วนใหญ่เห็นว่าถูกต้องดีงามและเมื่อทุกอย่างสอดคล้องกันก็หมายความว่าการ
ถ่ายทอดทางวัฒนธรรมก็จะด าเนินไปได้อย่างไม่มีปัญหา ถึงแม้ว่าการถ่ายทอดทางวัฒนธรรมอาจจะ
หมายถึงว่าลักษณะบางอย่างของวัฒนธรรมได้เปลี่ยนไปบ้างตามกาลเวลา แต่ค่านิยมและหลักใหญ่ที่ใช้เป็นกฎเกณฑ์ของสังคมก็ยังไม่เปลี่ยนไป เพราะวัฒนธรรม คือ ระบบสัญลักษณ์ที่มนุษย์สร้างขึ้น
และสามารถเรียนรู้ได้
อมรา พงศาพิชญ์(2547:31-32) อธิบายเกี่ยวกับการสืบทอดวัฒนธรรม ไว้ว่า เมื่อวัฒนธรรม
คือ ระบบสัญลักษณ์ที่มนุษย์สร้างขึ้นและมิใช่ระบบที่เกิดขึ้นโดยสัญชาตญาณ การถ่ายทอดวัฒนธรรม
ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด คือ การที่พ่อแม่สอนลูกว่าอะไรควรท า และอะไรไม่ควรท าในสังคมไทย เช่น พ่อ
แม่จะสอนลูกให้ไหว้ผู้ที่มีความอาวุโสกว่า ผู้น้อยไม่ควรยืนค้ าศีรษะผู้ใหญ่ นอกจากนี้การที่แม่สอนให้
ลูกท าอาหารไทยก็เป็นการถ่ายทอดวัฒนธรรมไทยเหมือนกัน การสอนในลักษณะนี้เป็นการสอนถึง
พฤติกรรมและเป็นการถ่ายทอดระบบสัญลักษณ์ด้วย การถ่ายทอดวัฒนธรรม คือ การสอนให้คนรุ่น
หลังรู้ถึงระบบสัญลักษณ์ของสังคม ซึ่งเคยมีการตกลงกันไว้ว่าประกอบด้วยอะไรบ้าง หลักที่สมาชิก
ของสังคมใช้ยึดถือเป็นแนวประกอบการประพฤติปฏิบัติก็คือบรรทัดฐานและค่านิยม บรรทัดฐาน คือ
แนวทางการปฏิบัติที่สมาชิกของสังคมส่วนใหญ่ยึดถือ และค่านิยม คือ ความคิดและแนวปฏิบัติของ
สมาชิกของสังคมส่วนใหญ่เห็นว่าถูกต้องดีงาม เมื่อบรรทัดฐานและค่านิยมของสังคมเป็นแกนกลางให้
สมาชิกของสังคมยึดเป็นหลักพฤติกรรมแนวคิดวิธีการท างาน ตลอดจนการประดิษฐ์สิ่งของเครื่องใช้
ย่อมจ าเป็นที่จะต้องสอดคล้องกับค่านิยมของสังคมนั้นโดยอัตโนมัติ การถ่ายทอดวัฒนธรรมบาง
ลักษณะได้เปลี่ยนไปตามกาลเวลา แต่ค่านิยมและหลักใหญ่ที่ใช้เป็นกฎเกณฑ์ของสังคมก็ยังไม่
เปลี่ยนไป
กมลพร สงมี(2543) กล่าวถึงตัวแทนขัดเกลาทางสังคมว่ามีตัวแทนการจัดเกลาทางสังคมอยู่
6 ประเภท คือ
1. ครอบครัว เป็นสถาบันพื้นฐานของสังคมในการอบรมบ่มนิสัยและพัฒนาพฤติกรรมของ
เด็กเป็นอย่างดี การอบรมทางตรงเป็นการสั่งสอนกันตรงๆ ว่าอะไรดีไม่ดีหรือควรไม่ควร ส่วนการ
อบรมทางอ้อมเป็นการอบรมแบบไม่เป็นทางการอาจเป็นการเลียนแบบหรือรับไปโดยไม่รู้ตัว
2. กลุ่มเพื่อน มีอิทธิพลต่อทัศนคติของวัยรุ่นเป็นอย่างยิ่ง มีการเลียนแบบท่าทางหรือเครื่อง
แต่งกายพวกเดียวกัน
3. โรงเรียน เป็นเสมือนบ้านหลังที่สองของเด็กและมีอิทธิพลมากในการพัฒนา บุคลิกภาพ
ท าให้ปรับตัวแบบคุณค่า ความรู้ ทั้งโดยรู้ตัวและไม่รู้ตัว
4. กลุ่มอาชีพ ได้แก่ การเรียนรู้เกี่ยวกับบทบาททางสังคมที่เกิดขึ้นในที่ท างานจากเพื่อน
ร่วมงาน ผู้บังคับบัญชาหรือผู้ใต้บังคับบัญชา
5. ตัวแทนสถาบันศาสนามุ่งขัดเกลาคนทางด้านจริยธรรมให้แนะแนวทางชีวิตเป็นเครื่องยึด
เหนี่ยวจิตใจเพื่อเป้าหมายในการกระท า ตัวแทนทางศาสนา ได้แก่ วัด นักบวช ผู้สอนศาสนาบางสังคม
อาจรวมถึง ผู้อาวุโสที่เป็นผู้น าในการประกอบพิธีกรรมต่างๆ
6. สื่อมวลชน ได้แก่ วิทยุ โทรทัศน์หนังสือพิมพ์ ภาพยนตร์ เป็นต้น ซึ่งมีส่วนในการขัดเกลา
ทางสังคมแก่มนุษย์ในด้านต่างๆ ตั้งแต่ความคิดความเชื่อ แบบของความประพฤติอิทธิพลของสื่อมวล
นี้ จะมีมากน้อยเพียงไรขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลว่าได้รับการอบรมเลี้ยงดูให้มีเหตุผล เจตคติต่อสิ่งที่คน
ได้รับแตกต่างกัน ข่าวสารที่ได้รับหรือไม่ยอมรับหรือการวางเฉยไม่ว่าจะมีปฏิกิริยาแบบใดก็ตาม อย่าง
น้อยก็เป็นกระบวนการถ่ายทอดของคนบางกลุ่มและต้องการความรู้ของบุคคลอีกส่วนหนึ่ง
จากที่กล่าวมา สามารถสรุปได้ว่า การสืบทอดวัฒนธรรม หมายถึง การถ่ายโอนองค์ความรู้
ทางวัฒนธรรมจากบรรพชนจากรุ่นสู่รุ่น เพื่อธ ารงรักษาความเจริญงอกงามทางปัญญาในการสรรค์
สร้างสิ่งต่างๆเพื่อตอบสนองการใช้ประโยชน์ในการด ารงชีวิตของแต่ละกลุ่มชน โดยมีวิธีการถ่ายโอน
ทั้งในรูปแบบทางตรง และทางอ้อม มีความยึดหยุ่นเปลี่ยนแปลงไปตามปัจจัยแวดล้อมในทุกระดับ
ตั้งแต่ระดับครอบครัว ชุมชน และสังคม โดยมีองค์ประกอบส าคัญคือ ผู้ถ่ายทอดวัฒนธรรม เครื่องมือ
ในการถ่ายทอดวัฒนธรรม ผู้รับวัฒนธรรม พื้นที่ในการเรียนรู้วัฒนธรรม และ ผลการรับวัฒนธรรม

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ประเพณีทานขันข้าว

ชนเผ่าลาหู่ : การแต่งกาย

ประเพณีตักบาตรน้ำผึ้ง