บทความ

ลื้อ

ลื้อ ลื้อ หรือ ลือ เป็นกลุ่มชนชาติพันธุ์ที่พูดภาษาตระกูลไท คือ “ ไทลื้อ ” หรือ “ ไตลื้อ ” มีถิ่นฐานดั้งเดิมอยู่ในเขตสิบสองพันนา ชาวไทลื้อนิยมตั้งบ้านเรือนอยู่ตามที่ราบลุ่มแม่น้ำและที่ราบระหว่างหุบเขา โดยมีแม่น้ำโขงเป็นแม่น้ำสายสำคัญซึ่งชาวไทลื้อเรียกว่า “ น้ำของ ” ส่วนจีนเรียกว่า แม่น้ำล้านช้าง และเรียกคนไทลื้อว่า “ หลี่ ” หรือ “ สุ่ยไปอี่ ” ชาวลื้อหรือไทลื้อมีวัฒนธรรมประเพณีและความเชื่อตลอดจนวิถีชีวิตที่คล้าย คลึงกับคนไทยล้านนาและคนลาวในล้านช้าง ที่บริโภคข้าวเหนียวเป็นอาหารหลักและนับถือพุทธศาสนานิกายเถรวาทเช่นเดียว กัน สำหรับประเทศไทย ไทลื้อได้อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานตามหัวเมืองต่าง ๆ ในภาคเหนือตอนบน ในจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ ลำปาง ลำพูน และเชียงใหม่ ตั้งแต่อดีตซึ่งได้กวาดต้อนไทลื้อจากสิบสองพันนามาจำนวนมาก บางส่วนได้อพยพเข้ามาเพิ่มเติมภายหลังเพื่อค้าขาย ติดตามญาติพี่น้อง แต่งงานและแสวงหาที่ทำกินที่เหมาะสมหรือหนีภัยสงคราม รวมทั้งอพยพเข้ามาด้วยเหตุผลทางศาสนาและการจาริกแสวงบุญ ในเวียดนาม มีชุมชนไทลื้ออาศัยอยู่ที่เมืองบินลูห์ และบริเวณฝั่งตะวันตกของแม่น้ำดำตามแนวพรมแดนที่ติดต่อกับจีน...

ลื้อน้ำอู

 ลื้อน้ำอู ลื้อน้ำอู หรือ ไทน้ำอู ซึ่ง ในศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหง เรียกว่า “ ชาวอู ” เดิมตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณพื้นที่ราบบนฝั่งแม่น้ำอู ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเมืองหลวงพระบางใกล้เคียงกับหมู่บ้านชาวลาว หรือไทหลวงพระบาง ปัจจุบันก็ยังมีกระจัดกระจายอยู่เป็นจำนวนมาก ที่อพยพเข้ามาอยู่ในเขตไทยก็มีแต่เป็นจำนวนน้อย เวลานี้มีอยู่บ้านท่าข้าม ตำบลม่วงยาย อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย ลื้อน้ำอูพูดสำเนียงผิดเพี้ยนจากภาษาไทยกลางเป็นบางคำ แต่อาจเข้าใจกันได้ ลื้อน้ำอูพูดเสียงยาวคล้ายคนยานคางพูด มีคำว่า “ หว่า ” ท้ายประโยคเสมอ เครื่องแต่งกายผู้ชาย อย่างเดียวกันกับลื้อแจ้ง ผู้หญิงสวมเสื้อปักย้อมสีน้ำเงินเข้ม ตามคอเสื้อทำด้วยสีเหลืองและแดง ที่เอวทำด้วยด้ายสีเดียวกัน ส่วนซิ่นที่ชายพกทำด้วยผ้าสีขาวเท่าฝ่ามือ ผ้าซิ่นทำเป็นลวดลายเล็ก ๆ สีต่าง ๆ สลับกันแต่ละเอียดกว่าลื้อแจ้ง ผ้าซิ่นตอนอื่นเป็นสีน้ำเงินเข้มเกือบจะกลายเป็นสีดำ ถ้าเป็นหญิงสาวจะพึงสังเกตได้ที่ผ้าพันศีรษะสีชมพู ถ้าสีอื่นก็แสดงว่าเป็นหญิงที่มีสามีแล้ว แบบบ้านคล้ายคลึงกับบ้าน ตามชนบทภาคเหนือทั่วไปต่างไปบ้างก็แต่ยกพื้นสูง ฝาผนังเตี้ย มีชานอยู่...

ลื้อเชียงคำ

ลื้อเชียงคำ         อำเภอเชียงคำ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของจังหวัดเชียงราย เป็นแหล่งที่อยู่ของชาวลื้อเชียบคำหลายหัวเมืองซึ่งอพยพมาจากเมืองพง เมืองหย่วน เมืองมาง เมืองยั้ง เมืองเงิน เมืองเชียงคาน ฯลฯ ในเขตมณฑลยูนนานตอนใต้และลาวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ โดยตั้งหมู่บ้านเป็นหมู่ ๆ ใช้ชื่อเมืองที่อยู่เดิมตั้งเป็นชื่อหมู้าน เช่น บ้านหย่วน บ้านมาง บ้านเชียงคาน บ้านเล้า ฯลฯ บ้านเรือนคล้ายคลึงกับลื้อแจ้ง ผู้ชายแต่งกายชุดสีดำ สวมกางเกงขายว ตรงปลายมีแถบแขนเสื้อ เสื้อยาว มีแถบแพรอยู่ตอนปลาย พันศีรษะด้วยผ้าสีขาวหรือสีอ่อน ๆ บางทีใช้ผ้าขนหนูหรือผ้าฝ้ายธรรมดาพัน เวลาออกจากบ้านสวมหมวกใบใหญ่เดรียกว่า “ กุ๊บ ” สะพายดาบ ถือร่ม เดิมนิยมสักหมึกตามตัวแต่ปัจจุบันเลิกแล้ว ผู้หญิงสวมเสื้อพื้นสีดำ ติดแถบสีอ่อน ๆ ปักลวดลายริมขอบเสื้อ ผ่าอก ปิดป้ายมาทางอกข้าง แขนเสื้อยาว นุ่งผ้าซิ่นสีดำมีแถบมน และริ้วลายตอนกลางเป็นชั้น ๆ คาดเข็มขัดเงินสลักรูปต่าง ๆ สวยงาม เครื่องประดับกาย มีต่างหู ปิ่นปักผม ซึ่งทำด้วยทองคำบริสุทธิ์ สวมกำไลข้อมมือเงิน ภาษาลื้อเชียงคำมีผิด เพี้ยนภาษาไทยกลางเล็กน้อย เช่น หม้อ...

ลื้อเชียงรุ่ง

 ลื้อเชียงรุ่ง ลื้อเชียงรุ่ง คือคนไทที่ตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณเขตเมืองเชียงรุ้ง แคว้นสิบสองพันนา ( ปันนา ) ในอาณาเขตมณฑลยูนนานตอนใต้ของประเทศจีน เมื่อกลางปี พ . ศ .2492 พากันอพยพเข้ามาสู่ประเทศไทย อาศัยตั้งบ้านเรือนอยู่ ณ บ้านริมฝั่งแม่น้ำแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ประมาณ 20 หลังคาเรือน เชียงรุ่งเป็นเมืองหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำโขงชาวเมืองเรียกว่า “ เจียงฮุ่ง ” จีนเรียกว่า “ กิ่วลุงเกียง ” ทั้งแคว้นเรียก “ สิบสองพันนา ” มีที่ราบเพียงเล็กน้อยล้อมรอบไปด้วยป่าไม้และภูเขาหลายสิบลูก จึงต้องแบ่งเอาที่ดินพื้นที่ราบไว้ ทำไร่ ทำนา ทำสวน ชาวเมืองเชียงรุ่งปลูกบ้านเรือนอาศัยอยู่ตามบนเนินเขาที่ลาดไปทางทิศตะวันตก ซึ่งพอที่จะสร้างบ้านเรือนได้จึงรวมกันอยู่เป็นหมู่บ้าน หมู่บ้านหนึ่งมีจำนวนราว 20-60 หลังคาเรือน ในหมู่บ้านหนึ่งมี ผู้ใหญ่บ้าน กำนัน สารวัตรปกครองกำนันเรียกว่า “ พระญา ” ผู้ใหญ่บ้านเรียกว่า “ จ่า ” สารวัตรเรียกว่า “ ล่าม ” หลายหมู่บ้านรวมกันเป็นเมืองหนึ่ง เช่น เมืองเชียงรุ่ง มีประมาณ 70 กว่าหมู่บ้าน มีเจ้าผู้ครองเมืองเรียกว่า “ เจ้าฟ้า ” เจ้าฟ้ามีอำนาจเหนือศาลสถิตยุติธรรมแห...

ไทดำ

ไทดำ ไทดำ หรือ ผู้ไทดำ เป็น กลุ่มไทกลุ่มหนึ่งมีถิ่นฐานดั้งเดิมอยู่ในเขตสิบสองจุไท บริเวณลุ่มแม่น้ำดำและแม่น้ำแดงในเวียดนามภาคเหนือ ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ของ ไทดำ ไทแดง และไทขาว เมื่อฝรั่งเศสเข้ามาปกครองเวียดนาม ได้เรียกชนเผ่าที่อาศัยอยู่ลุ่มแม่น้ำดำว่า ไทดำ ที่ เรียกว่าไทดำ เพราะชนดังกล่าวนิยมสวมเสื้อผ้าสีดำซึ่งย้อมด้วยต้นหอมหรือคราม แตกต่างกับชนเผ่าที่อยู่ใกล้เคียง เช่น ไทขาวที่นิยมแต่งกายด้วยผ้าสีขาวและไทแดงที่ชอบใช้ผ้าสีแดงขลิบแดงตกแต่งชาย เสื้อ ใน สปป.ลาว ไทดำได้อพยพเข้าสู่หลวงน้ำทาในปี พ.ศ. ๒๔๓๘ เพราะเกิดศึกสงครามแย่งชิงอำนาจกันระหว่างบรรดาหัวหน้าของไทดำกลุ่มต่าง ๆ ได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานครั้งแรกในหลวงน้ำทาที่บ้านปุ่ง บ้านทุ่งดี บ้านน้ำเงิน และบ้านทุ่งใจใต้ ต่อมาเกิดความไม่สงบในสิบสองจุไทขึ้นอีก เนื่องจากศึกฮ่อซึ่งเป็นพวกกบฏใต้เผงที่ถูกทางการจีนปราบปรามแตกหนีเข้ามา ปล้นสะดมและก่อกวนอยู่ในเขตสิบสองจุไททำให้ชนเผ่าถิ่นฐานอยู่ที่บ้านปุ่ง บ้านนาลือ และบ้านใหม่ ในปี พ.ศ. ๒๔๓๙ เมื่อมีประชากรเพิ่มมากขึ้น จึงได้กระจายกันออกไปตั้งหมู่บ้านอยู่ทั่วเขตทุ่งราบหลวงน้ำทา ได้แก่ บ้านทุ่งใจเหนือ ทุ่งใจใต...